เครื่องทำลมแห้งแบบใช้ความเย็น SECOTEC รุ่นประหยัดพลังงาน ปริมาณลมตั้งแต่ 5.1 ถึง 34 m³/min

ด้วยโหมดวงจรการควบคุมและความหนาแน่นที่จัดเก็บสูง ทำให้เครื่องทำลมแห้งแบบใช้ความเย็นรุ่นใหม่ของ SECOTEC จึงต้องการพลังงานไฟฟ้าเพียงเล็กน้อย โดยแทบจะไม่ต้องสนใจปริมาณ

ตรงกันข้ามกับระบบทั่วไปในตลาด พลังงานความเย็นที่เกินมาจะไม่สูญเปล่า แต่จะใช้เพื่อทำให้มวลความร้อนเย็นลง เมื่อเย็นแล้ว จะส่งการทำความเย็นให้การทำลมแห้งอากาศอัด โดยขจัดความต้องการการใช้พลังงานไฟฟ้าส่วนเกินไป

นอกจากนี้ การออกแบบใหม่ยังลดความต้องการการบำรุงรักษาลง และงานบริการก็ทำได้รวดเร็วและง่ายดายขึ้น

อยากรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการลดค่าใช้จ่ายตลอดอายุการใช้งานของ KAESER หรือไม่

• การจัดการต้นทุนรวมตลอดอายุการใช้งาน

การใช้งานเครื่องทำลมแห้งแบบใช้ความเย็นไม่ได้ขึ้นอยู่กับปริมาณอากาศอัดที่จะทำให้แห้ง (พื้นที่สีเทา) แต่ที่สำคัญกว่าก็คือจะขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำที่อยู่ในอากาศอัดขาเข้า ปริมาณน้ำ (ความชื้น) จะเพิ่มขึ้นเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น ดังนั้นการใช้งานเครื่องทำลมแห้งแบบใช้ความเย็นจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก เมื่ออุณหภูมิแวดล้อมสูง เช่นระหว่างฤดูร้อน (เส้นโค้งสีเหลือง)

ในทางกลับกัน เมื่ออุณหภูมิลดลงในฤดูหนาว (เส้นโค้งสีฟ้าเขียว) การใช้งานเครื่องทำลมแห้งแบบใช้ความเย็นจะลดลง การจะรักษาจุดน้ำค้างแรงดันให้คงที่ตลอดความแปรปรวนนี้ เครื่องทำลมแห้งแบบใช้ความเร็วควรได้รับการออกแบบให้มีประสิทธิภาพที่เหมาะสมระหว่างช่วงการใช้งานหนัก และควรมีความจุเพิ่มเติมสำรองด้วย

เช่นเดียวกับอัตราการไหลและช่วงอุณหภูมิ เครื่องทำลมแห้งแบบใช้ความเย็นจะทำงานเสมอภายในระยะการใช้งาน 0 ถึง 100 % เนื่องจากการควบคุมที่จัดเก็บ SECOTEC รับประกันว่าจะมีการใช้พลังงานตามที่จำเป็นตลอดช่วงการใช้งานทั้งหมดนี้ ผู้ใช้จึงได้ประโยชน์จากการประหยัดที่เพิ่มขึ้นมา

วงจรการทำงานของเครื่องทำลมแห้งแบบใช้ความเย็นจะปรับเปลี่ยนระหว่าง 0 และ 100 % เสมอ แตกต่างกับระบบควบคุมการใช้งานบางส่วนดั้งเดิม การควบคุมที่จัดเก็บของ SECOTEC จะปรับการสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้าระหว่างปริมาณการใช้งานอย่างแม่นยำ

ทำให้เครื่องทำลมแห้งแบบใช้ความเย็น SECOTEC ประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานได้เกือบ 60 % เมื่อเทียบกับเครื่องทำลมแห้งแบบใช้ความเย็นที่ควบคุมด้วยแก๊สร้อนแบบบายพาสที่ทำงานที่เฉลี่ย 40% ของกำลังการผลิต

ตรงกันข้ามกับระบบดั้งเดิม มวลความร้อนในเครื่องทำลมแห้ง SECOTEC จะเย็นอยู่เสมอ ซึ่งหมายความว่าจะสามารถทำให้อากาศอัดแห้งได้อย่างมีประสิทธิภาพแม้อยู่ในช่วงเริ่มต้น ฉนวนคุณภาพสูงรอบมวลความร้อนยังช่วยลดการใช้พลังงานให้ต่ำลง ด้วยเครื่องทำลมแห้งแบบใช้ความเย็น SECOTEC การทำลมแห้งอากาศอัดเกิดขึ้นโดยใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพล้นเหลือ และนิ่มนวลเป็นพิเศษกับอุปกรณ์จากความจุมวลความร้อนที่มีอยู่สูง

เครื่องทำลมแห้งแบบใช้น้ำยาทำความเย็น SECOTEC สามารถรักษาจุดน้ำค้างแรงดันได้สูงสุด +3°C ระหว่างการทำงานอย่างเต็มที่ ด้วยช่วงความผันผวนที่แคบ จุดน้ำค้างแรงดันจึงมีความเสถียรมากกว่าเครื่องทำลมแห้งแบบใช้ความเย็นทั่วไปในระหว่างการใช้งานบางส่วน 

เครื่องทำลมแห้งแบบใช้ความเย็นทั่วไปที่มีโหมดสลับการทำงานแต่ไม่มีมวลความร้อนเพิ่มเติม ใช้วัสดุแลกเปลี่ยนความร้อนเป็นมวลความร้อน ในเครื่องทำลมแห้งเหล่านี้จึงต้องเปิดและปิดคอมเพรสเซอร์สารทำความเย็นและมอเตอร์พัดลมบ่อยกว่า เพื่อรักษาประสิทธิภาพการทำความเย็นที่ต้องการ 

เพื่อลดความถี่ในการเปิดปิดและการสึกหรอ วงจรสารหล่อเย็นจึงจะเปิดที่จุดน้ำแข็งแรงดันที่สูงขึ้นเท่านั้น การแปรปรวนของจุดน้ำค้างแรงดันที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบเชิงลบต่อประสิทธิภาพการทำลมแห้ง ซึ่งอาจเป็นอันตรายได้ เนื่องจากสนิมอาจสะสม แม้ที่ความชื้นอากาศอัดสัมพัทธ์ 40 % – จึงอาจเกิดสนิมได้แม้จะไม่มีการก่อตัวของของเหลว 

ในทางกลับกันเครื่องทำลมแห้งแบบใช้ความเย็น SECOTEC รองรับอายุการใช้งานที่ยาวนานด้วยความจุในการจัดเก็บมวลความร้อนที่มีปริมาณมาก เมื่อชาร์จมวลความร้อนแล้ว เครื่องคอมเพรสเซอร์แบบใช้สารหล่อเย็นและมอเตอร์พัดลมสามารถปิดอยู่ได้นานกว่า โดยไม่ส่งผลกระทบต่อความคงที่ของจุดน้ำค้างแรงดัน

1. ทางเข้าของลม (Compressed Air Inlet)
2. ช่องระบายของเหลว
3. ทางเข้าสารหล่อเย็น (เย็น)
4. ทางออกสารหล่อเย็น (อุ่น)
5. ถ่ายโอนความร้อน
6. ทางออกของลม (Compressed Air Outlet)

เครื่องทำลมแห้งแบบใช้ความเย็นซีรีส์ TD, TE และ TF มีนวัตกรรมระบบแลกเปลี่ยนความร้อน SECOPACK LS มวลความร้อนแฝงประกอบไปด้วยวัสดุที่เปลี่ยนเฟส อากาศอัดจะอุ่นวัสดุจนจุดหลอมเหลว (การปล่อยมวลความร้อน) ดูดซับความร้อนหลอมเหลวที่แฝงอยู่ในกระบวนการ ซึ่งมากกว่าปริมาณความร้อนที่สามารถดูดซับได้ตามความจุความร้อนจำเพาะปกติอย่างมีนัยสำคัญ (โดยไม่มีการเปลี่ยนเฟส) มวลความร้อนแฝงในเครื่องทำลมแห้งรุ่น TE และ TF จึงมีความหนาแน่นในการจัดเก็บความร้อนที่สูงขึ้นอย่างมาก และต้องการวัสดุในการจัดเก็บน้อยลง 98 % เพื่อให้ได้ความจุเท่ากับการจัดเก็บทั่วไป

ข้อได้เปรียบหลัก: ความจุความร้อนสูงเพื่อจุดน้ำค้างแรงดันคงที่ และการใช้งานที่เป็นมิตรกับวัสดุ ผสมผสานกับการปล่อยของเสียที่ลดลงอย่างมาก